[Fic HSJ]....... Penguin Sensei ......... [Kei x Daiki]
ผมเป็นคนมีเป้าหมาย ....เวลาจะทำอะไรสักอย่างนึง คนเราก็ต้องมีเป้าหมายกันบ้าง ... และตอนนี้ผมก็เจอเป้าหมายในการเล่นดนตรีของผมแล้ว
ผู้เข้าชมรวม
1,008
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
[Short Fic] . Penguin Sensei . [Kei x Daiki] By:: I-PrA
Title : Penguin Sensei
Cast : Inoo Kei x Arioka Daiki
Author: I-PrA
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจในเรื่องของดนตรีเลย .... ถึงแม้ว่าจะฟังเพลงอยู่บ้าง แต่ความสามารถด้านการเล่นนั้นแทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว ผมเล่นอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง .. ทั้งๆที่ที่บ้านก็เป็นร้านขายเครื่องดนตรี .... น่าแปลกใช่ไหมล่ะครับ
ไม่ใช่ว่าผมด้อยความสามารถ ขาดทักษะอะไรเทือกนั้นหรอกนะ .. มันเป็นเพราะว่าผม ไม่มีความสนใจในตัวมันซะมากกว่า ... การจะทำอะไรซักอย่าง มันก็ต้องมีเป้าหมายเป็นตัวกำหนดไม่ใช่หรือครับ
การตั้งเป้าหมายสำหรับผม ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีแรง มีกำลังที่จะทำสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จบรรลุเป้าหมายให้จงได้ ก็เหมือนกับการเล่นเกมส์ ... ใครๆก็อยากที่จะชนะใช่ไหมล่ะครับ
.
.
.
“เฮ้ย อัพเดทๆ ... วันนี้มีเซนเซย์คนใหม่มา ได้ข่าวว่าเพิ่งจบมาใหม่ๆ หน้าตาน่ารักด้วยเว้ย”
นักข่าวหัวเห็ดประจำห้องวิ่งโร่เข้ามาบอกข่าวคราวในรอบรั้วโรงเรียนอย่างทุกวัน ...แล้วคนในห้องก็จะลุกขึ้นมาตีวงล้อมเป็นวงกลมอย่างรู้หน้าที่
เป็นเรื่องปกติล่ะที่เรื่องราวของคนอื่นมักจะได้รับความสนใจอยู่เสมอ
“จริงอ่ะ สอนอะไรๆ”
“รู้สึกว่าจะดนตรีนะ”
“อยากเห็นจังเลย”
“เค้าจะได้สอนชั้นเราไหมอ่ะ”
“ยังไม่รู้ว่าสอนชั้นไหน ฉันโดนไล่ออกมาก่อน”
เสียงโจษจันเซ็งแซ่ บรรยากาศคุกรุ่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น .... แต่ก็ยังมีร่างหนึ่งที่ทำตัวสวนกระแส นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะดูเหมือนไม่สนใจใคร
“เฮ้ย เคย์.. ไม่สนใจเหรอวะ”
ยูยะส่งเสียงของมันมาพร้อมกับทุบโต๊ะที่ผมใช้นอนอยู่เป็นการเรียกร้องความสนใจ ทำให้ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมานั่งแต่โดยดี .. เพราะถ้ายังดื้อนอนไม่สนใจมันอยู่แบบนั้นอาจจะโดนมันรังควาญเหมือนมันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมก็ไม่ปานได้
“ไม่อ่ะ... จนกว่าจะได้เห็นด้วยตา” อย่า...อย่ามาดูถูกตาตี่ๆเล็กๆแบบนี้นะ ถึงท่าทางจะดูเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลาแต่ก็หูเงี่ยฟังตลอดทุกรายการนะครับ ไม่มีพลาดซักเรื่องล่ะ..
“งั้นเราไปดูกันป่ะ” เจ้ายูยะชวนผมโดดเรียนหน้าซื่อๆ
“ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ชั่วโมงโฮมรูม นายก็โดดประจำอยู่แล้วนี่” รู้ไส้กันแบบนี้ .. สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานานจริงๆ แต่บางทีเพราะสนิทนี่แหละ ทำให้ผมยกข้ออ้างอะไรมาปฏิเสธส่งเดชไม่ได้
“เออๆ ไปก็ไป”
ลงท้ายก็ต้องไปกับมันทุกทีนั่นแหละ ... แต่ไม่ใช่ว่าทำให้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ แต่ยามเช้าแบบนี้ผมอยากนอนมากกว่านี่นา~
.
.
เสียงเพลงที่ดังลอดออกมาจากห้องดนตรีห้องหนึ่ง ทำให้ 2 หนุ่มที่โดดเรียนชั่วโมงเช้ามาแอบดูเซนเซย์คนใหม่ หาตัวได้ไม่ยากนัก
“ห้องนี้แหละ”
ว่าแล้วก็เกาะหน้าต่าง พลางตัวเป็นจิ้งจก หามุมเหมาะๆส่องหาตำแหน่งของคนในห้อง
ร่างเล็กบางที่นั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโนสีขาวหลังใหญ่ นิ้วเรียวขาวผ่องพร่างพรมลงบนคีย์สีขาวสลับดำเสียงดนตรีพริ้วไหวไปตามปลายนิ้วสัมผัส เกิดเป็นท่วงทำนองอ่อนหวาน .... ใบหน้าใสแย้มยิ้มสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ... แต่สิ่งที่ทำให้ละสายตาไม่ได้คงจะเป็นนัยน์ตากลมโตสีดำที่ฉายแววแห่งความสุขออกมาอย่างชัดเจน
............ อะไรที่ทำให้คนๆนี้มีความสุขได้ขนาดนั้นกันนะ .........
“เฮ้ย น่ารักจริงว่ะ”
“อืม”
.............ผมสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอชื้นเหงื่อนิดๆ ...........
“เมื่อกี้ก็ลืมถามชื่อจากไอ้พวกนั้นซะได้”
“อืม”
..............ริมฝีปากอิ่มสีสดน่าสัมผัส........................
“อะไรของแกวะ อืมๆๆอยู่ได้ .. ไม่มีความคิดเห็นบ้างเลยรึไง หรือว่านี่ไม่น่ารักพอว่ะ... มาตรฐานสูงเป็นบ้า มิน่าล่ะ ถึงไม่มีใครเอา”
ผมกำลังตั้งสมาธิจดจำภาพสวยงามเหล่านี้เอาไว้ ก็เลยไม่มีกะใจร่วมสนทนาด้วยอย่างจริงจังนัก ... แค่นี้ทำไมมันจะต้องมาพูดเสียดสีผมจนภาพฝันแตกกระเจิงแบบนี้ด้วยเล่า~!
“พูดมากเกินไปแล้ว ยูยะ”
“แล้วตกลงว่าคนนี้สนใจป่ะล่ะ”
ยูยะหันมาถามผมอีกครั้ง คราวนี้มันจับหน้าผมหันไปตั้งใจฟังมันพูดเลยทีเดียว
“แล้วทำไมแกจะต้องมาคอยถามซอกแซกด้วยวะ”
..... ไม่ต้องบอกก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่หรือไง ก็สนิทกันมาขนาดนี้แล้ว ไอ้หมอนี่รู้แน่ๆล่ะว่าผมชอบคนสไตล์ไหน.....
“เอ้า.. ก็ถ้าแกไม่ชอบฉันจะได้จีบ อุตส่าห์ให้โอกาสแกเลือกก่อนเลยนะเนี่ย”
คำพูดดูเป็นคนดีจังเลยนะ ... แต่ไอ้หน้าตารู้ทันนี่มันไม่ขัดกันไปหน่อยเร้อ ~
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ฉันรู้ว่าสเป็คแกไม่ใช่แบบนี้”
“แต่ตัวเล็กๆ ตาโตๆ ปากอิ่มๆแบบนี้...ตี๋น้อยชอบบบ”
“เออ.. ชอบ แกอย่ามายุ่งกับว่าที่แฟนฉัน”
“โอ้ย หน้าไม่อาย ..พูดเต็มปากเต็มคำเชียวนะ”
“เอ้ะ.. หายไปไหนแล้วล่ะ”
“อ้าว นั่นสิ”
“สองคนนั่นโดดเรียนมาใช่ไหม?!!”
น้ำเสียงโหดร้าย และดูเกรี้ยวกราดขนาดนั้น ... แน่นอนว่าคงไม่ใช่คนที่กำลังหาอยู่แน่นอน ... แต่ว่ามันแย่กว่านั้น เพราะว่า มันเป็นเสียงของอาจารย์ฝ่ายปกครองน่ะสิ!!
“ว๊ากกกกกกก”
.
.
ผมหลุดพ้นจากเงื้อมมือพญามาร ด้วยความที่เจนจัดในเรื่องทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี .. และก็กลับเข้ามานั่งเรียนตามหน้าที่ของนักเรียนที่ดี
.......แต่ก็ดีได้ไม่นานหรอกครับ ผมน่ะ.......
“อยากรู้ชื่อจังน้า” ในหัวผมมีแต่ภาพของเซนเซย์จนทำให้สมรรถภาพในการเรียนของผมสั่นคลอนจนเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ได้แต่เพ้อออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูเพื่อนสนิทของผมอยู่ดี
“ก็เดินไปถามเค้าดิ” ยูยะที่กำลังง่วนกับการจดเลกเชอร์แต่ก็ยังมีหน้าหันมาตอบผม
“บ้า..เสียแผนหมด”
“นี่แกมีแผนแล้วเรอะ” ผมยักคิ้วให้มันข้างหนึ่งเป็นคำตอบ ... แล้วมันก็ไม่สนใจผมอีก หันไปเปลี่ยนปากกาสี เพื่อจดหัวข้อใหม่บนกระดาน ....
ยูยะน่ะ ชอบจดแลกเชอร์ แต่ว่าไม่ค่อยได้ฟังที่สอนหรอกนะ เพราะมัวแต่เปลี่ยนปากกาสี .... เลกเชอร์เจ้านี่น่ะสีสันสดใสสุดยอด บางทีก็มีรูปหมีรูปกระต่ายตกแต่งอย่างสวยงาม ... แต่มันไม่เป็นผลกับผมหรอกนะ เพราะเวลาไปซีร๊อกซ์เลกเชอร์มันตอนจะสอบทีไร ผมก็ได้เห็นแต่สีดำๆเทาๆทุกทีล่ะ
“งั้น...ในระหว่างที่ยังไม่รู้ชื่อ ฉันจะเรียกว่า..... เพนกวิน .”
“เพนกวินงั้นหรือ?”
“นายว่าไม่เหมือนหรือไงล่ะ... คุณครูเพนกวินน้อย..หึหึ น่ารักจะตาย”
“ปัญญาอ่อนไม่เข้ากับหน้าเลยนะ ชื่ออย่างกับโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย กระต่ายน้อย” ยูยะส่ายหัวให้กับความคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิดของผม
“เออน่า เรื่องของฉัน... ฉันจะเรียกของฉันแบบนี้แหละ”
.
.
.
เช้าวันต่อมา
หน่วยข่าวประจำห้องวิ่งหูดับตับไหม้กลับมา พร้อมกระจายข่าวให้ได้รู้ทั่วกัน
“เฮ้ย รู้แล้วๆ เซนเซย์คนใหม่ชื่อ อาริโอกะ ไดกิ”
............. ไดกิ.. ชื่อเพนกวินน้อยของผมน่ะเหรอ น่ารักจังเลย^^ .........
“ชื่อยังน่ารักเลย”
“และที่สำคัญ..”
เหยี่ยวข่าวหนุ่ม ฝีเท้านักวิ่ง
“เค้าไม่ได้สอนเราว่ะ เค้าสอนเด็กประถม”
สิ้นประโยคนี้ก็มีเสียงครางต่ำๆ ดังเป็นหย่อมหญ้า บ้างก็คร่ำครวญอย่างน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา
“โหย เสียของว่ะ .. เอาคนน่ารักๆไปให้เด็กมันดูทำม๊ายยย”
บ้างก็พยายามคิดในแง่ที่ดี
“แต่ถ้าคิดในแง่ของครูใหญ่ เค้าจะปล่อยครูน่ารักๆเข้ามาให้เสือ สิงห์ กระทิง แรดจ้องเขมือบเอาทำไม”
บ้างก็อารมณ์เสีย พาลกระทบกระเทียบพอแสบๆคันๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนคนอื่น
“โธ่.. แล้วไม่คิดบ้างหรือว่ะ ในแง่เจริญหูเจริญตาน่ะ ... เซนเซย์ระดับชั้นพวกเราแต่ละคนผ่านโลกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ปีทั้งนั้น แก่ๆเหี่ยวๆเหนียงยาน ขึ้นคานก็เกินครึ่ง แม่ง คิดแล้วเสียอารมณ์ว่ะ”
เท่าที่ผมสังเกต ... หลายคนพากันตัดใจจากเพนกวินตัวน้อยของผมเพียงเพราะเค้าไม่ได้สอนปี3
แต่ว่า..นั่นไม่ใช่ผมแน่ๆล่ะ ....
ผมจะไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาง่ายๆหรอก
........................................................
..............................
..............
นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่ผมเดินเข้าหาดนตรีโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบังคับ .... ดนตรีที่ไม่เคยสนใจ ดนตรีที่เคยเป็นแค่เรื่องน่าเบื่อของผม
แต่ ณ วันนี้... ผมคิดว่าผมเจอ ‘เป้าหมาย’ ของการเริ่มต้นเล่นดนตรีแล้วล่ะ
.
.
“ครับ... ผมอยากเล่นเปียโน”
ผมยืนอยู่ในห้องดนตรี ตรงหน้าผมมีแกรนด์เปียโนหลังโตสีขาว หลังเดียวกับตอนที่ผมมาแอบดูคุณครูเพนกวินตั้งอยู่
.....และเพนกวินตัวน้อยๆก็อยู่ตรงหน้าผมด้วย^^
“แต่ว่าผมไม่มีชั่วโมงสอนของปี3 นะ” เพนกวินของผมทำหน้าสงสัย แล้วหันไปเปิดตารางสอนที่ได้มาประกอบเพื่อเป็นการยืนยัน ... ดวงตากลมโตใสแจ๋วจดจ้องมาที่ผมแต่เพียงผู้เดียว
........โอ้ย น่ารัก .. มองใกล้ๆแบบนี้ยิ่งน่ารักชะมัดเลยย ...........
“แล้วถ้าเป็นตอนเย็นล่ะครับ เซนเซย์ว่างไหมครับ”
“อืม.. แน่ใจนะว่าอยากเรียน” เพนกวินน้อยๆเอียงคอ ทำท่าครุ่นคิด ...ซึ่งมันก็น่ารักโดนใจผมอีกแล้ววว
“ครับ”
... พระเจ้า ช่วยผมด้วยยยย หัวใจผมเต้นแรงจนกระเด้งกระดอนไปชนกระดูกซี่โครงบริเวณช่วงอกจนปวดหนึบไปหมดแล้ว
ผมกำลังถูกลูกเพนกวินตัวน้อยๆทำร้ายร่างกายอย่างแสนสาหัส
“ถ้าอย่างนั้น ตอนเย็นเจอกันนะ ผมต้องรีบไปสอน^^”
ริมฝีปากอิ่มนั้นวาดเป็นรอยยิ้มหวานส่งให้ผม ก่อนจะหอบเอาอุปกรณ์การสอนเดินออกจากห้องไป
ประตูไม้บานเก่าปิดลง
ผม..............................ขยับตัวไม่ได้ เหมือนถูกตรึงไว้อยู่กับที่
มุมปากที่ยกยิ้มเมื่อครู่ก็ยังคงค้างอยู่ที่เดิม
รู้จักคำว่าชั่วโมงต้องมนต์ไหมครับ เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ
“เธอ... มาทำอะไรตรงนี้”
ช่างน่าเศร้าที่เวลาสวรรค์กับเวลาของมนุษย์ไม่เท่ากัน ... สวรรค์ของผมถึงได้ล่มเร็วกว่าที่คิดไว้นัก
ผมตื่นจากภวังค์ แล้วรีบเดินก้มๆหน้าออกไปโดยเร็วที่สุด ....
ไปซะก่อนที่ใครจะจับได้ว่า ... ผมโดดเรียนมา(อีกแล้ว) -_-“
........................................................
..............................
..............
เฮ้อ ... ทำไมวันนี้เวลาถึงได้เดินช้านักน้า
ผมที่ใจจดใจจ่อกับการนั่งจ้องนาฬิกาแขวนผนังหน้าห้อง มากกว่าจะสนใจกระดานดำที่ตอนนี้เต็มไปด้วยประโยคภาษาอังกฤษที่ยากจะเข้าใจ
.......ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เสียหน่อย ทำไมทุกคนต้องไปให้ความสนใจกับมันมากขนาดนี้ ........
ถ้าทุกคนบนโลกทำลืมๆไป เหมือนกับว่าไม่เคยมีมันเกิดขึ้นมาซะ เราก็คงไม่ต้องมานั่งเรียนกันแบบนี้หรอก
“เฮ้ย เคย์... เซนเซย์เค้ากำลังด่าแกในใจน่ะ” ยูยะที่นั่งอยู่ข้างกันนั้นหันมาสะกิดบอกผม
“เค้าด่าในใจแล้วแกไปรู้ได้ยังไง”
“ของอย่างนี้ แค่ดูหน้าก็รู้แล้ว... เป็นอะไรวะ คิดถึงเพนกวินของแกอยู่หรือไง”
“อือ”
ตอบมันสั้นๆ จะได้ไม่ต้องมาสนใจ ใฝ่รู้ไปมากกว่านี้... เพราะผมไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามของมัน
สายตาผมไปหยุดที่นาฬิกาอีกครั้ง .... อีก 1 นาทีเศษๆจะถึงเวลาเลิกเรียน
เสียงหัวใจผมเต้นถี่รัวแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับเข็มวินาทีที่เดินไป
....................5
..................4
.................3
...............2
.............1
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นพร้อมกับร่างของผมที่ลุกพรวดจากโต๊ะแล้วทะยานพุ่งออกไปนอกห้อง โดยไม่สนใจตาหัวเหม่งหน้าห้องที่เบิกตามองอย่างโคตรอึ้ง ... ไม่สนใจความตกตะลึงของเพื่อนๆในห้อง
ตอนนี้เป้าหมายของผมมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ..
.
.
.
“อะโห.. ตรงเวลาเกินไปไหม ... นี่เพิ่งเลิกเรียนเองไม่ใช่รึไง”
ผมยิ้มออกมาทันที ที่เห็นกรอบร่างบอบบางนั้นเดินเข้ามาในห้องดนตรี พร้อมกับส่งเสียงหวานๆ
................. เพนกวินน้อยของผมนี่ น่ารักทุกเวลาจริงๆ ................
“ผมกลัวเซนเซย์จะรอนาน”
........จริงๆเพราะอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง คิดถึงจนทนไม่ไหวต่างหาก ... แต่ถ้าให้ตอบไปแบบนั้น กลัวว่าเพนกวินน้อยของผมจะตกใจกลัวซะก่อนน่ะสิ
“ไม่ใช่ว่าโดดคาบสุดท้ายมานั่งรออยู่ที่นี่นะ” ยกยิ้มอย่างรู้ทัน ไม่ได้ตั้งใจจะดุอะไรจริงจังนัก
แต่นั่นก็ทำให้ผมเหงื่อตกเล็กน้อย
“อุ่ย.. ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะคร้าบบ”
... ถึงจะไม่ได้โดดมาทั้งคาบ แต่ก็ไม่ได้เรียนทั้งคาบเหมือนกันนี่นา .. แถมยังพรวดพราดออกมาแบบนั้นอีก ... ป่านนี้ตาเหม่งนั่นคงหักคะแนนผมจนไม่เหลือดีแล้วล่ะมั้ง
“อ้ะ.. ผมลืมแนะนำตัวไปเลย ...อิโนะ เคย์ ปี3 ยังไม่มีแฟน ฝากตัวด้วยครับ ”
คุณครูเพนกวินหัวเราะคิก เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวของผม ...
“อาริโอกะ ไดกิ ฝากตัวด้วยเช่นกัน”
“อ้าว เซนเซย์แนะนำไม่ครบเหมือนของผมเลย”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้ของนายนี่นา”
“แต่ผมอยากรู้ของเซนเซย์~”
ผมหลุดปากออกไปแล้วสิ .... เพนกวินตัวน้อยทำท่าตื่นตระหนกนิดๆ ก่อนที่แก้มจะกลายเป็นสีแดงเรื่อๆ ให้ผมม่วนอกม่วนใจ๋
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้”
แน่ะ ทำเป็นดุ ... ดุกลบเกลื่อนความเขินแบบนี้ก็น่ารักไม่หยอกนะครับ
“แหม... พอดีผมเป็นพวกชอบสู่รู้ด้วยสิครับ โดยเฉพาะเรื่องของเซนเซย์”
ผมเห็นว่าลูกเพนกวินของผม สูดลมหายใจหนักเข้า เหมือนพยายามสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมาตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้ ... ช้าๆ... ชัดถ้อยชัดคำ .... เอาให้จำไปจนวันตายประมาณนั้น
“ฉันอายุ 22 ยังไม่มีแฟน และไม่ต้องการแฟน ... ไม่ชอบมีแฟนเด็กกว่า พอใจยัง”
ชัดครับ.... แจ่มครับ ..... เล่นพูดดักทางไว้แบบนี้ อย่าคิดว่าผมจะถอยนะ
.................ไม่มีทางเสียล่ะ ..................
.
.
“นายมีพื้นฐานแค่ไหนล่ะ”
“ผมเคยเรียนตอนเด็กๆน่ะครับ แต่ว่าตอนนี้ .. แฮะๆ รู้สึกเหมือนไม่เคยเรียนมาก่อนเลยครับ”
“เคยเรียนถึงไหนล่ะ”
“ก็...ไม่มากหรอกครับ แค่เพลงเด็กๆ”
“แล้วทำไมถึงเลิกเล่นไปล่ะ ..”
ถ้าบอกตามตรงว่าเบื่อ รู้สึกว่าไม่ใช่ หรือไม่ชอบ .... ความสัมพันธ์เล็กๆที่ผมเพิ่งจะเริ่มสาน มันคงพังไม่เหลือชิ้นดีให้ได้สานต่อไปได้อีกแน่ ..
“อุบัติเหตุครับ.. ผมก็เลยหยุดเล่นไป”
แกล้งตีหน้าเศร้าเรียกคะแนนสงสาร พาลให้คนถามรู้สึกผิดที่ไปถามถูกปมในอดีต...
“ขอโทษนะ ... ฉันไม่ได้ตั้งใจให้นายรู้สึกแย่”
เพนกวินน้อยของผมทำหน้าหงอยซะจนน่าสงสาร... น่าเข้าไปกอดปลอบเลยล่ะครับ
“แต่ไม่เป็นไรแล้วครับ ตอนนี้ผมหายดีแล้ว.. และพอมาได้เห็นเซนเซย์เล่นเปียโนเมื่อวานผมก็เลยคิดอยาก.. กลับมาเล่นมันอีกครั้ง”
..............มอบถ้วยให้เลยดีกว่า สาขานักแสดงตอแหลยอดเยี่ยม .... อิโนะ เคย์!!...........
จริงๆอุบัติเหตุที่ว่ามันก็แค่มีดปอกผลไม้บาดนิ้ว แผลเล็กติ๊ดเดียว พัก2-3วันก็หาย แล้วก็กลับมาเล่นได้ .. แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อไม่ได้อยากเล่นมันตั้งแต่ต้น ก็เลยใช้เป็นข้ออ้างในการเลิกเล่นมันซะดื้อๆ .. ที่บ้านก็เอือมระอาผมจนไม่รู้จะคัดค้านยังไง ก็ได้แต่ปล่อยให้ผมตามหาในสิ่งที่ผมอยากทำด้วยตนเอง..
และตอนนี้ผมก็กำลังคิดว่า .. มันอาจจะมาพร้อมกับการมาของใครบางคนก็ได้
........................................................
..............................
..............
หลังเลิกเรียน ทุกวันผมจะตรงดิ่งมาที่ห้องดนตรี แบบที่ว่าออดยังดังไม่ทันจบตัวผมก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่ห้องดนตรี เพื่อรอที่จะเรียนเปียโนกับคุณครูเพนกวินแล้ว
ประตูถูกเปิด .. ผมหันขวับไปส่งยิ้มทักทาย ร่างบางเดินถือแฟ้มโน้ตเพลงเข้ามาในห้อง
“ไดจัง ^^”
“เซนเซย์”
เจ้าของชื่อแก้คำเรียกที่ถูกต้องให้ใหม่ ...แต่ดูเหมือนว่าคนเรียกจะไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่
“อะไรกัน ห่างเหินชะมัดเลย... อยู่ด้วยกันมาทั้งอาทิตย์แล้วนะ ขอเรียกชื่อเซนเซย์ไม่ได้เหรอ”
ขวดน้ำหวานเย็นๆที่เปิดฝาพร้อมดื่มให้เสร็จสรรพ ถูกส่งไปให้ถึงมือคนที่เพิ่งกลับมาจากการสอนเหนื่อยๆ ซึ่งร่างบางก็รับไปดื่มแต่โดยดี .... เค้าว่าเวลาเหนื่อยๆ ของหวานๆเย็นๆจะช่วยทำให้ดีขึ้น
...... การดูแลเล็กๆนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ โดยที่เจ้าตัวเองไม่ทันนึกด้วยซ้ำ .....
“ไม่ได้... นายยังเด็ก”
“ผม 18 แล้วนะ ไม่เด็กซะหน่อย”
“อย่างน้อยนายก็อายุน้อยกว่าฉัน”
“อะไร ห่างกันแค่ 3-4 ปีเอง”
“เถียงขนาดนี้ไม่เรียกเด็กได้ยังไง ... อีกอย่างนายก็เป็นลูกศิษย์ฉัน เพราะฉะนั้น เรียกเซนเซย์นั่นแหละดีแล้ว” เพนกวินของผมตัดสินสถานะระหว่างเราให้เสร็จสรรพ จนผมอดจะห่อเหี่ยวหัวใจไม่ได้
“ก็เราอยู่ที่โรงเรียน... จะให้นายมาเรียกชื่อฉันแบบนั้น มันจะดูไม่ดี เค้าจะว่านายปีนเกลียวได้ เข้าใจไหม?”
“เพราะฉะนั้น เลิกทำหน้าหงอยแบบนั้นแล้วมาเรียนได้แล้ว อิโนะ เคย์!”
คนพูดท่าทางเขินน้อยๆ แสร้งทำเป็นหยิบโน้ตเพลงมาเตรียมการสอน ..... แต่สำหรับคนที่กำลังยิ้มหน้าบาน ด้วยความปลื้มใจนั่นนะ ...คงกู่ไม่กลับแล้วมั้ง
............. ที่แท้ก็เป็นห่วงนี่เอง ... เพนกวินของผมนี่น่ารักเป็นบ้า ...............
........................................................
..............................
..............
“ชามะนาวครับ”
เครื่องดื่มเย็นๆถูกเสิร์ฟให้ทันทีที่ร่างบางนั่งลงที่โต๊ะประจำ
“เฮ้อ~”
“มีอะไรหรือเปล่าวันนี้... ทะเลาะกับเด็กป.1 มาหรือไง” ผมแกล้งแซวไปตามประสา ... แต่สีหน้าที่ได้กลับมาไม่เหมือนที่เคย...
ไม่เล่นด้วยเว่ยเฮ่ย .... ใครหนอที่ทำให้เพนกวินน้อยของผมทิงนองนอยขนาดนี้ได้
“อิโนะคุง ฉันคงสอนนายตอนเย็นไม่ได้แล้วล่ะ”
......... ห่ะ.. ว่าไงนะ .........
“ทำไมล่ะไดจัง”
เจ้าของชื่อไดจัง หันไปค้อนคนที่ตัวเองย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามเรียกชื่อ ... แต่ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดตอนนี้ จะปล่อยไปสักวันก่อนก็ได้....
“คนดูแลอาคารไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่น่ะสิ”
สีหน้าบูดบึ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงคนที่เพิ่งไปทะเลาะด้วยมา
“อ๋อ ... งั้นไดจังก็มาสอนผมที่บ้านก็สิ้นเรื่อง”
“เห..”
“ไม่ได้บอกหรือว่าที่บ้านผมเป็นร้านขายเครื่องดนตรีน่ะ”
.
.
.
“สุดยอดเลย อิโนะคุง ... แบบนี้นายก็ได้นั่งเล่นเปียโนทั้งวันมีความสุขไปเลยสิ”
...... สำหรับผม เมื่อก่อนนั่นเรียกว่าความทุกข์มากกว่านะ .... แต่สำหรับตอนนี้ ถึงจะไม่ได้นึกพิสมัยมันขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็เพราะมันอีกนั่นแหละ ที่ผมมายืนตรงจุดนี้ได้
.................จุดที่ใกล้กับเซนเซย์มากที่สุด...............
“ก็ประมาณนั้นมั้งครับ .. ไดจังอยากมาเล่นที่นี่บ้างก็ได้นะ”
ร่างบางท่าทางตื่นตาตื่นใจกับของใหม่ วิ่งสำรวจไปทั่วร้านอย่างตื่นเต้น
.... เหมือนเด็กชะมัด ...
เนี่ยอ่ะนะ คนที่บอกปาวๆว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่อายุ 22 น่ะ
“ได้เหรอ” ตากลมโตสดใส ที่สะกดผมไว้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ กำลังจ้องมองผมอย่างวิงวอน
“อื้อ ตามสบายเลย”
..............ใครเลย จะปฏิเสธได้เล่า ............
“อ้าว เคย์พาเพื่อนมาบ้านเหรอ”
“ครับ^^// ไม่ใช่ครับ” พูดออกมาพร้อมกัน แต่เนื้อความไม่ได้ไปในทางเดียวกันเล้ย
“ผมเป็นครูพิเศษ สอนดนตรีให้อิโนะคุงน่ะครับ”
ร่างบางชิงกล่าวออกมาก่อน พร้อมกับโค้งแสดงความเคารพผู้ใหญ่
“อื้อ..ป๊า เค้าจะมาสอนที่นี่ ทุกวันด้วย”
“สอนดนตรีเหรอ?”
คุณป๊ะป๋าแสดงสีหน้าท่าทางว่าแปลกใจอย่างมาก มองหน้าลูกตัวเองด้วยความไม่มั่นใจ
“คราวนี้จะเรียนได้กี่อาทิตย์ล่ะ”
“โธ่พ่อ อย่าดูถูกผมสิ ตอนนี้ผมมีเป้าหมายของตัวเองแล้วนะ”
............... นั่นก็คือคุณครูเพนกวินตัวน้อย ไดจังนี่เอง ......................
“เป้าหมาย?” คุณป๊าป๋าทำหน้าสงสัยหนักเข้าไปอีก ... ไอ้ลูกเรานี่มันเคยมีเป้าหมายในชีวิตด้วยเหรอ
“เอ่อ ผมว่าอิโนะคุงเป็นคนหัวไวนะครับ แล้วก็พอจะมีสกิลด้านนี้อยู่เหมือนกัน... ถ้าเขามีความตั้งใจจริงๆต้องไปได้สวยแน่ๆเลยครับ”
.............โอ้ย น้ำตาจะไหล .. ไดจังออกตัวปกป้องผม ... ช่างน่ารัก น่าเอ็นดูอะไรจะขนาดนี้น้า ..............
“อ่ะๆ ถ้าคุณครูว่าอย่างนั้น .. เชิญเข้าไปในบ้านก่อนครับ”
.
.
.
นิ้วเรียวยาวพริ้วไหวไล่คีย์สูงต่ำ สร้างท่วงทำนองอ่อนหวาน ขับกล่อมผู้คนในแถบนั้นให้เพลิดเพลินใจ ก่อนจรดลงบนคีย์เป็นท่อนสุดท้าย แล้วหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นเชิงถามความเห็น
“อือ ใช้ได้แล้วล่ะ เก่งมากเลย ......เหลืออีกไม่กี่ท่อนเอง.. ถ้าผ่านเพลงนี้ได้ ไม่ว่าเพลงไหนนายก็เล่นได้หมดแล้วล่ะ^^ ...จบหลักสูตร ปิดคอร์สได้เลย” ไดกิพูดด้วยหน้าตายินดี แล้วเดินกลับไปเก็บกระดาษที่วางไปเกลื่อนเตียง
ผมลืมบอกไปว่า ผมย้ายแกรนด์เปียโนสีดำหลังหนึ่งขึ้นมาไว้บนห้องนอนแล้วด้วย ....... จริงๆแล้วมันก็เคยถูกยกขึ้นมาครั้งหนึ่งเหมือนกัน เมื่อตอนเด็กๆ ... ที่ผมถูกบังคับให้เล่นดนตรี .....
แต่มาวันนี้ เช้าวันหนึ่งที่ผมลงไปบอกพ่อว่าจะย้ายเปียโนมาไว้บนห้องเท่านั้นแหละ พ่อไม่พูดอะไรเลยนอกจากยิ้ม .. ยิ้มอย่างคนที่สมหวังอย่างเดียว ......
ไม่ทันที่ตะวันจะตกดิน แกรนด์เปียโนที่ได้ขอไว้ก็ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องของผมเสียแล้ว
.......... ถ้าผมเปลี่ยนใจตอนนี้ คงไม่ทันแล้วสินะ. ..............
“ไดจัง..”
ผมเรียกเขาด้วยชื่อ ... ถ้าโชคไม่เข้าข้าง ผมคงจะโดนคัดคำว่าเซนเซย์ 100 จบไปส่งเขาล่ะมั้ง
“อะไร?”
...............น่าแปลกแฮะ ... ลืมตัวไปหรือว่าชินแล้ว...............
“ถ้าผมเล่นได้จบเพลง ไม่มีรางวัลให้ผมหน่อยหรือ?”
ผมหันไปถามไดกิที่นั่งเก็บโน้ตเพลงเข้าแฟ้มอยู่บนเตียง
“อยากได้อะไรล่ะ” .... ดูเหมือนจะอารมณ์ดีนะวันนี้ ......
“ไดจังจะให้ผมได้ทุกอย่างหรือเปล่าล่ะ?”
ถ้าเป็นในการ์ตูน ผมคงเห็นตัวเองกลายเป็นนายพรานกำลังขุดหลุมพรางบนพื้นน้ำแข็ง ล่อให้เพนกวินน้อยตกลงไปแน่ๆเลย
“ไม่อ่ะ บอกมาก่อน”
.............. ว้า ... เพนกวินตัวนี้ฉลาดไม่เบา ... ไม่ยอมตกหลุมง่ายๆแฮะ .................
“โธ่ ง่ายๆเอง”
ผมเดินมานั่งบนเตียง ช่วยเขาสอดโน้ตเพลงเข้าแฟ้มตามเดิม .... ลดระยะห่างระหว่างกันให้พอไม่เป็นที่น่าสังเกต
“อะไรล่ะ?”
........ เพนกวินน้อยเริ่มรู้สึกถึงอันตรายแล้วสินะ .........
“ถ้าผมผ่านเพลงนี้ไปได้ ........ไดจังจะยอมเป็นแฟนกับผมนะ!”
ร่างสูงกอบกุมมือนุ่มนิ่มไว้ด้วยสองมือ สบนัยน์ตากลมโตนั้นแสดงความหนักแน่นและตั้งใจจริง ก่อนจะเกลือกหน้าถูไถไปมา .... กลายร่างเป็นลูกแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของในพริบตา
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน” ...เป็นใครก็อดจะเขินไม่ได้ล่ะน้า... ก็เล่นอ้อนกันซะขนาดเนี้ย ...
ใบหน้าใสซ่านด้วยสีแดงระเรื่อ แต่พยายามตีหน้าเข้มกลบเกลื่อนความเขินอายที่กำลังก่อตัว
“เกี่ยวสิ ก็ผมชอบไดจัง”
คำสารภาพตามมาอีกระลอก ให้คนฟังได้เขินกันอย่างไม่หยุดหย่อน
“ยังไงฉันก็ไม่คิดจะเอาลูกศิษย์ตัวเองเป็นแฟนหรอกนะ” ร่างบางดึงมืออกจากการกอบกุม
อ้างไปถึงเหตุผลเก่าๆที่เคยเอามาใช้ .... แต่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ .. ว่ากับคนหน้าหนาคนนี้ล่ะ พูดอะไรไปก็ไม่มีผลหรอก ...คนเจ้าเล่ห์ไม่มีทางยอมแพ้กับข้ออ้างแค่นี้แน่นอน
“แต่เมื่อกี้ไดจังบอกเองว่า ถ้าเล่นเพลงนี้ได้ก็ปิดคอร์ส จบหลักสูตร ... ถึงตอนนั้นผมก็ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของไดจังแล้ว”
ร่างบางอยากจะชกหน้าตัวเองซะเดี๋ยวนั้น....คำพูดตัวเองย้อนกลับมารัดคอเข้าเสียแล้วสิ
“แต่สำหรับฉัน ลูกศิษย์ทุกคนก็ยังคงเป็นลูกศิษย์ตลอดไป ไม่มีวันหมดอายุหรอก” ยังด้นต่อไปได้
“ขี้โกงนี่นา”
เจอมุกนี้เข้าไปคนมากเล่ห์ก็เถียงไม่ออก ได้แต่ทำหน้าบูด ใช้สายตาตัดพ้อกันสุดฤทธิ์
“นายยังเด็ก.. ไปหาแฟนที่อายุเท่ากับนายเถอะ”
พอเห็นว่าร่างสูงเริ่มสงบลง ... ผู้ใหญ่ใจดีวัย22 อย่างไดกิก็เริ่มเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มให้กลับใจ
“จำเป็นด้วยหรือไง ว่าจะต้องมีแฟนที่อายุเท่ากัน”
แต่อย่าได้ชะล่าใจไป เด็กดื้อวัย 18 ยังไม่หมดฤทธิ์แต่เพียงเท่านี้
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่เด็กกว่าอย่างนายแหละน่า”
“อย่างนี้มันปิดกั้นกันนี่ .. ผมไม่ยอมหรอก”
“เฮ้ย จะทำอะไร!!”
ร่างบางของไดกิจมลงไปกับที่นอนนุ่ม โดยมีเจ้าของเตียงทาบทับอยู่ข้างบน ใบหน้าจริงจังของร่างสูงที่จ้องมานั้น .... ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ใช่แค่เด็กอายุ 18 ....
............. ก็บอกแล้วว่าอย่าชะล่าใจ เพราะว่าเด็กน่ะ ซื่อตรงต่อหัวใจตัวเอง โดยไม่สนผิดถูกที่เป็นบรรทัดฐานของสังคม .........
“ก็แสดงให้ดูไง ว่าผมไม่ใช่เด็ก!”
“ไม่เอาน้า... ปล๊อยยย เคย์”
จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอระหง มือร้อนซุกซนก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อ สำรวจเนียนเนื้อนุ่มมือที่หอมหวาน ...
ไดกิรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว .... พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่หยุดการกระทำอุกอาจไม่ให้ดำเนินต่อไป ..... แต่ก็เหมือนกับไม่ได้ช่วยให้เกิดผลอะไรนัก
........ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่มา หลุดออกไปแล้ว .......
ร่างสูงไล่จูบลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ และทำท่าจะลงไปต่ำกว่านั้น .. แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหบๆปนสะอื้นจากข้างบน
“ขอร้อง... หยุดเถอะ” จวนเจียนน้ำตาจะหยดอยู่รอมร่อ ..... ตกใจขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว .... บทจะรุกก็รุกเร็วเป็นบ้า ห้ามไม่ได้ ไล่ไม่ทันจริงๆ....
“ไม่.. จนกว่าไดจังจะให้โอกาสผม”
ก้มลงหมายจะจูบปากแดงๆอิ่มๆที่ลอยยั่วตามานาน
“โอเคๆ ยอมแล้ว ไม่เด็กก็ไม่เด็ก”
ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้ร่างสูงหยุดทุกการเคลื่อนไหว ... แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยซะทีเดียว ในเมื่อร่างสูงเพียงแค่หยุดการกระทำไปชั่วขณะเท่านั้น
“แล้วรับรักผมได้หรือยัง”
ถามออกมาด้วยระยะลมหายใจกางกั้น และไม่คิดจะเพิ่มระยะห่างไปมากกว่านี้
“ยัง...จนกว่านายจะแสดงให้ฉันเห็นว่านายไม่ใช่วัยรุ่นที่ชอบทำตัวไร้สาระไปวันๆ การเรียนไม่เอาไหน” กลั้นใจตอบมากเลยนะคำถามเนี้ย .... พูดออกไปทีปากก็จะชนกันอย่างน่าใจหายใจคว่ำ
...... จูบเลยเหอะว่ะ แบบนี้มันเสียว.....
“แล้วจะให้ผมทำยังไง” พูดจบก็แนบประทับความอุ่นร้อนลงบนริมฝีปากอิ่ม ราวกับล่วงรู้ความคิด
ไดกิได้แต่ตาโต มองหน้าหัวขโมยอย่างอึ้งๆ .... นี่มันอ่านใจคนออกหรือว่า แค่คิดเหมือนกันล่ะ....
“สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้”
บอกเงื่อนไขไป แล้วก็ต้องมาคอยหลบหัวขโมยที่จ้องแต่จะตะครุบปากเขาลูกเดียว .... มือเรียวผลักบ่ากว้างให้พ้นตัว ตากลมโตถลึงมองอย่างเอาเรื่อง
“สอบติดแล้วไดจังจะยอมรับผมใช่ไหม”
ร่างสูงยอมลุกผละออกไปแต่โดยดี สีหน้าแช่มชื่นขึ้น .. กลับมาเป็นเด็กดีในโอวาทดังเดิมแล้ว
“สอบให้ติดก่อนเถอะ แล้วค่อยมาว่ากัน” พูดพลางควานหาเสื้อแสงมาใส่เข้าที่.... นุ่งลมห่มฟ้านานๆมันหนาว แถมยังเสี่ยงต่อการถูกผีหื่นอาละวาดต่อรอบสองอีก ไม่คุ้มๆ...
ส่วนเจ้าของห้องนั่งยังคงขัดสมาธิอยู่บนเตียง... มองดูร่างบางๆขยับเคลื่อนไหวเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
“แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไง ว่าไดจังไม่ได้ปล่อยให้ผมรอเก้ออยู่คนเดียว”
ร่างบางที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
“เรื่องเยอะจริง..”
ก้มลงแนบสัมผัสบางเบาบนริมฝีปากบางอีกครั้ง
........... เข้าใจวางกับดักให้ผมติดกับจังนะ .. ชักติดใจรสสัมผัสนิ่มนวลหอมหวานนี่ซะแล้วสิ ...........
“อีกทีสิ” เด็กโลภมากยิ้มเยิ้มอย่างถูกใจ
............ ความรู้สึกอุ่นๆที่ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ยากจะลืมเลือน .......
“ฉันจะกลับบ้าน”
“นะ...”
“หลังจากนายสอบติด ...ถ้ารอไม่ได้ก็ไปหาคนอื่น” ยื่นคำขาด
“โธ่.. ก็ได้ๆ จะกลับแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง”
.
.
.
แต่ถึงจะรับคำท้ามาแบบนั้น ... แต่ก็ใช่ว่าจะมาขยันกันวันสองวันแล้วทำข้อสอบได้นี่ครับ ถึงผมจะไม่ได้โง่อะไร แต่ก็โดดชั่วโมงเรียนบ่อยอยู่ ..ความรู้มันเลยได้ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลัวว่าจะไปแข่งอะไรกับใครเขาไม่ได้
เห็นทีต้องพึ่งบารมีไอ้ยูยะมันเสียหน่อย ... ถึงมันจะไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมาย แถมยังตั้งหน้าตั้งตาแต่จะจดเลกเชอร์อย่างสวยงามอีก .. แต่ก็เพราะมันนั่นแหละครับ ที่ทำให้ผมรอดจากตัวแดงมาได้ทุกครั้ง
“เฮ้ย ยูยะ... เอาเลกเชอร์ทั้งหมดของแกมาเดี๋ยวนี้” ผมแกล้งทำมือเป็นรูปปืน จี้เข้าที่พุงของเพื่อนสนิท
“หือ.... นี่มันยังไม่ถึงช่วงสอบเลย แกละเมออะไรหรือเปล่าวะ” แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้เพื่อนผมกลัวขึ้นมาได้หรอก
“เออน่า... เอามา”
ถึงอุปสรรคจะมีเยอะและโหดร้ายไปสำหรับผมซักหน่อย
แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่คอยผลักดันให้ผมตั้งใจทำในสิ่งนั้นๆจนสำเร็จได้
จากที่ผมไม่สนใจดนตรี ...
ก็กลายเป็นว่าขาดมันไม่ได้ เพราะว่าผมอยากเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเวลาฟังเพลงของไดกิ
จากที่ผมเล่นดนตรีไม่เป็น ...
ก็กลายเป็นว่าพยายามฝึกทุกๆวัน เพราะว่าผมอยากเป็นคนสร้างความสุขนั้นให้กับไดกิเอง
และจากที่ผมไม่เคยตั้งใจเรียนในห้อง ....
ผมก็กำลังพยายามถ่างตา ฟังตาเหม่ง ยัยหน้าเหี่ยว ยัยตุ๊ต๊ะ และอีกหลายชื่อ หลายคนที่ผมเคยตั้งเอาไว้ใช้เป็นโค้ดนินทา สอนบนกระดาน และจดเลกเชอร์ด้วยตัวเอง ... ถึงมันจะไม่มีสีสันสวยงามเหมือนเจ้ายูยะก็เถอะ แต่ผมก็ชินกับสีดำๆเทาๆของฉบับซีร็อกซ์ของมันอยู่แล้ว เลยไม่เป็นปัญหาอะไร
ครืดๆ
ผมก้มลงดูโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆอยู่ใต้โต๊ะ ... มี 1 ข้อความเข้า
Sender : Daichan
26-06-11 11:15
////ทำข้าวกล่องมาเผื่อ ..ถ้าอยากกินข้าวฟรีก็ขึ้นมาที่ห้องดนตรี////
ข้อความสั้นๆที่ส่งมา ไม่ได้หวานอะไรมากมาย แต่แค่นี้ก็ทำให้คนได้รับอมยิ้มมีความสุข มีกำลังใจเต็มเปี่ยมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคตัวเบ้งที่ชื่อว่าการสอบ
.......... ก็บอกแล้วว่าผมเป็นคนมีเป้าหมาย ..........
. The End ..
Talk : Tanjou Ome ไดจังล่วงหน้าเบาๆด้วยนะค้า
มีความสุขมากๆนะลูก .... ขอให้ได้ทำในสิ่งที่รัก ..พยายามเข้ากับการเป็นMC
สำหรับฟิก... เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของประที่แต่งคู่ปกติ (ฮา) ....คิดเห็นยังไงก็คอมเม้นกันมานะคะ
วางมือลงบนคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์ความในใจออกมาซะโดยดี ฮี่ๆ
ปล. ฟิกชั่นเรื่องนี้เป็นฟิกแปลงนะเคอะ แต่มีดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับตัวละคร^^
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ I-PrA
ความคิดเห็น